วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

How to 3 : การวิเคราะห์ข้อมูล


   การจัดการมาตราส่วนแผนที่ (Map scale management)


เปิดข้อมูล Shapefile ขั้นมา






ทำการตั้งค่าพิกัด โดยเลือกคำสั่ง View ที่ Menu Bar เลือก Data Frame Properties... 





จากนั้นจะปรากฏหน้าต่าง Data Frame Properties คลิกที่คำสั่ง General ในช่อง Display ให้เลือก Meters จากนั้นกด OK.





โดยการกำหนดค่ามาตราส่วนนั้นเราสามารถเลือกจากที่มีอยู่ หรือกำหนดเองได้ โดยเลือกที่คำสั่ง <Customize This List...>





ในหน้าต่าง Scale Settings ทำการใส่ค่ามาตราส่วนของเราลงไปในช่องที่ 1 จากนั้นกดโอเค






   การกำหนดค่าระบบพิกัดภูมิศาสตร์(Define Projection)

เลือกคำสั่งใน  Arc toolbox > Data Management > Projections and Transformations > Raster > Define Projection 





จะปรากฏหน้าต่างของ Define Projection 
ในช่องที่ 1 คือช่อง Input Dataset or Feature class ให้นำชั้นข้อมูลที่ต้องการใส่ลงไป
ส่วนในช่องที่ 2 คือช่อง Coordinate System ใส่ค่าพิกัดลงไป (วิธีการใส่ค่าพิกัดอยู่ในบทความ How to 1 : การใช้คำสั่ง Snapping แล้ว) จากนั้นกด OK



การตรวจสอบค่าพิกัดที่ใส่ไป ให้คลิกขวาที่ Layer ชั้นข้อมูลที่ทำการใส่ค่าพิกัด เลือกที่ Properties 




จะปรากฏหน้าต่าง  Layer Properties จากนั้นเลือก Source ในช่องของ Data Source จะสังเกตุว่าตรง Projected Coordinate System จะปรากฏพิกัดที่ทำการตั้งค่าไว้เรียบร้อยแล้ว







   การแปลงระบบพิกัดภูมิศาสตร์ หรือโซน (Projection)

ทำการเปิดชั้นข้อมูลขึ้นมา ในตัวอย่างใช้ชั้นข้อมูลของ World > Country จากนั้น คลิกขวาที่ Layer > Properties.. เพื่อดูค่าพิกัด






จะเห็นได้ว่าค่าพิกัด เป็นแบบครอบคุมหลายโซน แต่ถ้าเราต้องการหาโซน พิกัดที่ต้องการทำได้โดย ..






เลือกคำสั่งใน Arc toolbox > Data Management > Projections and Transformations > Feature > Project 






 จากนั้นจะแสดงหน้าต่างของ Project ขึ้นมา 
ในช่อง Input Dataset or Feature Class ให้เลือกเป็น Country 







 ช่อง Output Dataset or Feature Class ให้คลิกที่ปุ่ม output เพื่อทำการ save ในไฟล์ที่เราทำการสร้างเอาไว้






จะปรากฏหน้าต่าง Output Dataset or Feature Class 
ช่องที่ 1 คือเลือกสถานที่จัดเก็บ
ช่องที่ 2 พิมพ์ชื่อที่เข้าใจง่าย จากนั้นกด Save






 ส่วนในช่อง Output Coordinte System ให้เราใส่ค่าพิกัดที่เราต้องการลงไป






ในตัวอย่างนี้ ค่าพี่กัดที่ต้องการ WGS_1984_UTM_Zone_47N (วิธีการใส่ค่าพิกัดอยู่ในบทความ How to 1 : การใช้คำสั่ง Snapping แล้ว) แล้วกด OK




ก็จะทำการแปลโซที่เราต้องการขึ้นมา









   การแปลงพื้นหลักฐาน (Datum Transformation)

เปิดชั้นข้อมูลขึ้นมา ซึ่งในตัวอย่างเป็น Province_WGS84UTM47N ขึ้นมา ซึ่งเป็นระบบ WGS1984




ทำการตรวจสอบระบบพิกัด คลิกขวาที่ Layer > Properties





จากนั้นเปิดชั้นข้อมูลของ Bangkok_Indian1975UTM47N ขึ้นมาจะสังเกตว่าตัวชั้นข้อมูลนี้มีค่าพิกัดไม่ตรงกับฐานข้อมูล Province_WGS84UTM47N ดังนั้นเราจะทำการแปลงให้ข้อมูลพิกัดเหมือนกัน








ในแถบ Menu Bar เลือกคำสั่ง View > Data Frame Properties






หน้าต่างของ Data Frame Properties ให้เลือกที่ Coordinate System
   ในช่องของ select a coordinate system ให้คลิกที่ Layers > Province_WGS84UTM47N > WGS_1984_UTM_Zone_47N  จากนั้นคลิกที่ Transformations...






ในหน้าต่างนี้ ทำการเลือกโซนใหม่เลือกที่ New 






หน้าต่างนี้ให้ไปเปลี่ยนค่าที่ช่อง Parameters โดยใส่ค่าพิกัดดังนี้
   ค่า X  =  206
   ค่า Y  =  837
   ค่า Z   =  295
หลังจากตั้งค่าทั้งหมดเสร็จแล้ว คลิก Ok







ตรวจดูความถูกต้อง จากนั้นกด OK






จากนั้นคลิก OK







จะเห็นได้ว่าพื้นที่มีการทับซ้อนกันพอดี จากเดิมที่มีช่องว่าง แต่กลับปิดสนิทเป็นเส้นเดียวกัน







   การทำ Append

เป็นการรวมไฟล์ข้อมูลทั้ง 2 ไฟล์  แต่ไฟล์ข้อมูลต้นฉบับจะหายไปโดยไฟล์ที่ 2 จะยังคงอยู่ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องตั้งชื่อ หรือ save เป็นไฟล์อีกตัว
   เริ่มจากการเปิกชั้นข้อมูลขึ้นมา 2 ชั้นข้อมูลโดยในตัวอย่างจะเลือกเป็น LU513iv และ LU5038i








จากนั้นคลิกเลือกคำสั่ง Append ที่อยู่ใน Arctoolbox > Data Management Tools > General > Append







หน้าต่าง Append 
   ช่อง Input Datasets ให้เลือกชั้นข้อมูลที่ต้องการนำไปรวม ในตัวอย่างเลือกเป็น LU5138iv
   ช่อง Target Dataset เป็นข้อมูลต้นฉบับ ในตัวอย่างเลือกเป็น LU5038i
   ช่อง Schematype มีให้เลือก 2 แบบคือ 1. TEST คือข้อมูลต้องเหมือนกัน 2. NO_TEST ข้อมูลไม่จำเป็ต้องเหมือนกัน ซึ่งในตัวอย่างเลือกใช้เป็นแบบ NO_TEST จากนั้นกด OK








จากนั้นใน Table of Contents ให้คลิกเอาเครื่องหมายถูกออกจาก  Layer ชั้นข้อมูลของ LU5138iv เพื่อให้แสดงข้อมูลที่เป็นต้นฉบับซึ่งทำการรวมข้อมูลกับแล้ว








     การทำ Erase

เปิดชั้นข้อมูลขึ้นมา โดยในตัวอย่างจะใช้เป็นข้อมูล WATER และ SOILS 









จากนั้นทำการ Zoom In ในตัวอย่างเราต้องการตัดส่วนที่เป็น WATER ที่อยู่บนพื้นที่ SOILS ออก
โดยจะเริ่มจากใช้เครื่องมือในแถบ Analysis Tools จากนั้นเลือก Overlay > Erase






ในหน้าต่างของ Erase 
ช่อง Input Features ให้เลือกพื้นที่ที่เราต้องการใช้เป็นฐานในการตัดรูป ในตัวอย่างเลือกเป็น SOILS
ช่อง Erase Features ให้เลือกว่าจะตัดข้อมูลไหนออก ในตัวอย่างเลือกเป็น WATER
ช่อง Output Feature Class เลือกว่าจะจัดเก็บชั้นข้อมูลนี้ที่ไหน
เมื่อทำการใส่ข้อมูลทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยให้กด OK







 วิธีการตรวจดูข้อมูล ในช่อง Table of Content ให้คลิกเอาเครื่องหมายถูกออกในช่องของ SOILS และ WATER จากนั้นจะสังเกตุว่า บนพื้นผิวมีการตัดออกรูปร่างเท่ากับชั้นข้อมูล WATER









   การจัดกลุ่มข้อมูลใหม่ (Reclassify)

เป็นการจัดกลุ่มข้อมูลใหม่ โดยใช้ข้อมูลคุณลักษณะ อันใดอันหนึ่งหรือหลายอันรวมกัน
เริ่มจ่กเปิดชั้นข้อมูลขึ้นมา ในตัวอย่างใช้เป็นชั้นข้อมูลที่ชื่อว่า Prachindem30m.tif 






ทำการเปลี่ยนสีชั้นข้อมูลโดยการคลิกขวาชั้นข้อมูลในช่อง Table of Contents เลือกสีในช่อง Color Ramp จากนั้นกด OK 








 จากนั้นเลือกคำสั่งการจัดกลุ่มข้อมูลใหม่ โดยไปที่ ArctoolBox > Spatial Analyst Tool > Reclass > Reclassify







ในหน้าต่าง Reclassify ช่องที่ 1 คือช่อง Input raster ให้เลือกชั้นข้อมูลที่เราต้องการทำการจัดกลุ่ม แต่เนื่องจากในตัวอย่างเปิดมาเพียงชั้นข้อมูลเดียว จึกมีให้เลือกเพียงหนึ่งชั้นข้อมูล คือ Prachindem30m.tif
ช่องที่ 2 คือช่อง Reclass field .ให้เลือกเป็น value  จากนั้นคลิกที่ Classify...




   หน้าต่างของ Classification 
ช่อง Method จะให้เลือกการแบ่งชั้นข้อมูล ประกอบด้วย 
- Manual คือการแบบสามารถใช้ค่าความสูงของชั้นข้อมูลนั้น
- Equal Internal คือการแบ่งแบบแต่ละกลุ่มมีค่าที่เท่ากัน
- Quantile คือการแบ่งตามค่าสถิติ
- Natural Breaks(Jenks) คือการแบ่งแบบการคำนึงถึงตัวข้อมูล
- Geometrical Interval คือแการแบ่งแบบที่ตัวโปรแกรมจะทำการแบ่งค่าข้อมูลให้
- Standard Deviation คือการแบ่งแบบตามค่าเบียงเบนมาตราฐาน






ในตัวอย่างจะเลือกแบบ Equal Internal คือการแบ่งแบบแต่ละกลุ่มมีค่าที่เท่ากัน และในช่อ Classes เลือกเป็น 7 จากนั้นกด OK







เมื่อกด OK จะกลับมาที่หน้าต่างเดิม ให้ไปเลือกที่จัดเก็บในช่อง Output raster เมื่อเลือกเรียบร้อยคลิกที่ OK

 




จะปรากฏชั้นข้อมูลที่ทำการแบ่งออกอย่างเห็นได้ชัด โดยการแบ่งนั้นจะมีสีแต่ละสีเป็นตัวกำกับข้อมูลนั้นๆ เพื่อการใช้งานที่ง่ายอีกด้วย ในการเปลี่ยนสีชั้นข้อมูลนั้นให้คลิกขวาที่ Layer ชั้นข้อมูลเลือกที่ Properties...






ในหน้าต่าง Layer Properties เลือกที่ Symbology ที่ช่อง Show เลือกเป็น Unique Ualues ทำการเปลี่ยนสีในช่อง Color Scheme เมื่อเลือกเสร็จแล้วกดโอเคเพื่อดูผลลัพธ์ที่ได้ ก็จะเป็นอันเสร็จในหัวข้อคำสั่ง Reclassify 







Video How to 3 : การวิเคราะห์ข้อมูล







อ้างอิง : สื่อการสอน อาจารย์ ดร.ณรงค์  พลีรักษ์ คณะภูมิสารสนเทศศาสตร์  มหาวิทยาลัยบูรพ